บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2018

ถ้าไม่รีบรักษาไวรัสตับอักเสบซีจะเกิดอะไรขึ้น

รูปภาพ
หากผู้ที่รู้ตัวแล้วว่าติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบซีแล้วจริงๆ จากผู้ที่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการแล้วก็ตาม และยัง ไม่ได้เริ่มกระบวนการ การรักษา ไวรัสตับอักเสบซี อาจจะก่อให้เกิดโรคตับแข็งได้ในเวลาอันใกล้ ถึงแม้ว่าโรคนี้อาจจะดูเหมือนไม่ร้ายแรง ไม่ส่งผลอะไรต่อการดำเนินชีวิต เพราะถือว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเป็นโรคเรื้อรัง ต้องอธิบายความหมายของคำว่า "เรื้อรัง" เสียก่อน ในที่นี้หมายถึง การที่เชื้อ ไวรัสตับอักเสบซี แฝงตัวอยู่ในร่างกายของเราอย่างยาวนานมากจนสามารถทำให้เกิดอาการ หรือกว่าจะแสดงอาการ ก็ค่อนข้างรุนแรงมากไม่สามารถรักษาให้หายได้ทันการณ์ และมีโอกาสที่จะมีเหตุให้เสียชีวิตได้ในที่สุด เพราะ ตับ ของเรามีหน้าที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรตีนที่มีประโยชน์ การขับของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการหรือเป็นพิษต่อร่างกายออกไป การดูดซึมเอาไขมันดี วิตามินที่จำเป็นแก่ร่างกาย และช่วยในการสร้างแหล่งพลังงานอีกด้วย เมื่อเกิดสภาวะ ตับแข็งเรื้อรัง ทำให้ร่างกายรวน ระบบการทำงานผิดปกติไปทั้งหมด และเกิดอาการป่วยต่างๆ ตามมาเป็นหางว่าว เซลล์ของตับที่ถูกทำลาย จะแทนที่ด้วยพังผืดที่เกาะอยู่บริเวณนั้นสั

ยาไวรัสตับอักเสบซีแบบรับประทานกับยาฉีดในโรงพยาบาล

รูปภาพ
ยาไวรัสตับอักเสบซีแบบรับประทานกับยาฉีดในโรงพยาบาล เพราะเหตุใด ทำไมยาชนิดเม็ด หรือยารักษา ไวรัสตับอักเสบซี แบบรับประทานถึงมีประสิทธิภาพดีกว่ายาฉีดรักษาแบบเดิมในโรงพยาบาล แถมไม่ค่อยมีผลข้างเคียงมากเท่ากับยาฉีด เพราะตัวยา Sofosbuvir  (โซฟอสบูเวียร์) นั้นเป็นตัวยับยั้งกระบวนการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีโดยตรง เรียกง่ายๆ คือมันทำการโจมตีเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสเท่านั้นไม่มีหน้าที่อื่นใด โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือนหรือ 12 สัปดาห์ ในรายที่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีมี ภาวะตับแข็ง ร่วมด้วยการรักษาอาจยาวนานมากกว่า 6 เดือนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้หากคุณอยู่ในช่วงรับประทานยารักษาไวรัสตับอักเสบซี ควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาอย่างเคร่งครัด รับประทานยาตรงเวลา มีการตรวจเช็คสภาพร่างกายอยู่เสมอ หากรู้สึกมีผลข้างเคียงใดๆ ที่ผิดปกติควรแจ้งแพทย์ทันที และไม่แนะนำให้ซื้อยาหรือสมุนไพร อาหารเสริมอื่นใดมาทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการที่จะรักษาไวรัสตับอักเสบซีได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์จะต้องมีการวินิจฉัย ผลตรวจจากแพทย์อีกหลายขั้นตอน ดังนั้น หากตรวจพบแล้วควรรีบรักษาก่อนจ

อาหารบำรุงตับ ที่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีควรทาน

รูปภาพ
อาหารบำรุงตับ ที่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีควรทาน อาหารบำรุงตับ ที่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี หรือบุคคลอย่างเราควรทาน คือ ข้าวกล้อง และข้าวกล้องงอก ในข้าวกล้องจะมีสารอาหารมาก กว่าข้าวขาวปกติ โดยเฉพาะใยอาหาร กรดโฟลิค วิตามินต่างๆ แกมมา โอไรซานอล (สารต้านอนุมูลอิสระ จากเมล็ ดพืช) วิตามินอี รวมไปถึงสารกาบา ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่ อร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังควรทาน พืชผักผล ไม้ อย่าง กะหล่ำปลี แครอท แตงโม หน่อไม้ฝรั่ง เพราะผักและผลไม้จะมีสารต้า นอนุมูลอิสระอยู่สูง ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจา กการทำลายของอนุมูลอิสระ และยังมีใยอาหารอยู่สูง ช่วยลดการเกิดพิษกับตับได้ ตับจะเป็นแหล่งสะสมของวิตาม ินเอ และมีธาตุเหล็กอยู่ สารเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อ ร่างกายอยู่แล้ว แต่ตับมีคอเลสเตอรอลอยู่สูง ด้วย ดังนั้น การกินตับ เพื่อหวังผ ลในการบำรุงตับอย่างต่อเนื่ อง อาจมีผลเสียในเรื่องของไขมั นที่จะกลับไปสู่ร่างกาย หรือไปพอกตับแทน จึงต้องทานอย่างระมัดระวัง สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

อาหารทำลายตับที่ควรหลีกเลี่ยง

รูปภาพ
อาหารทำลายตับที่ควรหลีกเลี่ยง รู้หรือไม่ว่า “ตับ” เป็นอวัยวะในร่างกายชนิดหนึ่งที่ถูกทำลายมากที่สุดในจำนวนอวัยวะที่มีอยู่ของมนุษย์ ซึ่งมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของคนไทย จึงทำให้อัตราส่วนในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง โรคตับแข็ง ไขมันพอกตับ มะเร็งตับ ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะโรคไขมันพอกตับจะพบในกลุ่มประชากรชาวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี สาเหตุหนึ่งมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ กระบวนการที่ตับกำจัดแอลกอฮอล์ จะเกิดกรดไขมันขึ้นมา ซึ่งกรดไขมันก็จะถูกสร้างให้เป็นไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งไปแทรกอยู่ในเนื้อตับ เป็นลักษณะของไขมันที่มาพอกที่ตับ ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ แล้วอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง การทำงานของตับผิดปกติ หากไม่รีบเข้ารับการรักษา อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตได้ อาหารบำรุงตับ อาหารทำลายตับ ที่ควรหลีกเลี่ยง หลักๆ เลยคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท อาหารหมักดอง ที่จะมีสารกลุ่มไนเตรท ไนไตรท์ ดินประสิว และอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อตับ รวมไปถึงอาหารสุกๆ ดิบๆ อย่าง ปลาร้า ปลาดิบ ซาซิมิ (อาหารญี่ปุ่น) เป็นต้น ที่เป็นสาเหตุของ โรคพยาธิใบไม้

สัญญาณอันตราย ม้ามโต

รูปภาพ
สัญญาณอันตราย "ม้ามโต" ม้าม เป็นอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายถั่วแดง อยู่ทางด้านหลังข้างซ้ายของช่องท้อง ใต้กะบังลม และซี่โครง ทำหน้าที่ในการควบคุมปริมาณของเลือดในร่างกายให้คงที่ ดึงเอาฮีโมโกลบินของเซลล์เม็ดเลือดแดงออกมาใช้ในร่างกาย และยังนำเอาของเสียในรูปแบบของเหลวออกมาจากเลือดด้วยเช่นกัน (ออกมาพร้อมปัสสาวะ) นอกจากนี้ม้ามยังสร้างแอนตี้บอดี้ในการต่อต้านเชื้อโรค และผลิต เซลล์เม็ดเลือดแดง ขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย อาการม้ามโต เป็นอาการที่ม้ามมีความผิดปกติจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง จนทำให้มีอาการบวมโต จนอาจจะใหญ่มากเกินไปจนไปเบียดอวัยวะอื่นๆ และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ม้ามโต มีสาเหตุมาจากอะไร? อาการม้ามโต อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ - เป็นโรคที่เกี่ยวกับเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย - เป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ เช่น โรคตับแข็ง ตับอักเสบ - เป็นอาการข้างเคียงเพิ่มเติมจากโรคไข้จับสั่น - อาการข้างเคียงหลังจากติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อ EBV - เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว - เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id

ปวดท้องด้านขวาอย่างผิดปกติ

รูปภาพ
รู้สึกปวดท้องด้านขวาอย่างผิดปกติ โรคไวรัสตับอักเสบซี หากเริ่มมีอาการปวดท้อง ด้านขวา อย่างผิดปกติ โรคไวรัสตับอักเสบซีในระยะเริ่มต้น อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องด้านขวาอย่างรุนแรงได้ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจาก เนื้องอกที่เป็นเข้าสู่ภาวะ มะเร็งตับ ได้เจริญเติบโตขึ้นในช่องท้อง และทำให้เกิดความดันในช่องท้องมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกปวดท้อง และอาการเจ็บที่ช่องท้องร่วมกับอาการ สะอึกเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจพบอาการตับบวมโต ที่สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณไหล่ขวา เนื่องจากตับไปทับเส้นประสาทบริเวณกระบังลม ที่เชื่อมโยงกับระบบประสาทบริเวณไหล่ หากรู้ตัวว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอยู่แล้วควรทำการอัลตร้าซาวน์อย่างละเอียดก่อนเริ่มการรักษาด้วย สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

อาการคลื่นไส้ของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
อาการคลื่นไส้ของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมาสักระยะหนึ่ง คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียนบ่อยๆ จนผิดปกติ ถือว่าเป็นสัญญาณแรกของโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง เพราะเมื่อระบบการทำงานของตับเริ่มล้มเหลว ทำงานได้ไม่ดีเหมือนปกติ ร่างกายก็จะไม่สามารถขจัดสารพิษในร่างกายออกไปได้ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน อีกทั้งเนื้องอกที่เกิดขึ้นบริเวณตับ ก็จะผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่ทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง อันเป็นสาเหตุให้อาการคลื่นไส้ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นสำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีด้วย สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

โรคมะเร็งที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
โรคมะเร็งตับ สาเหตุหนึ่งจากไวรัสตับอักเสบซี ที่เป็นโรคร้ายแรงต่อสุขภาพ อีกทั้งมะเร็งตับยังเป็นโรคที่พบได้มากเป็นอันดับต้นๆ ของทั้งเพศชายและเพศหญิง ซึ่งโรคมะเร็งตับชนิดนี้ มีอาการลุกลามค่อนข้างรวดเร็ว และมีโอกาสหายขาดน้อยมาก เพราะกว่าที่ผู้ป่วยจะรู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งตับ ก็แทบจะอยู่ในระยะที่รุนแรงมากแล้ว แต่ใช่ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรับมือได้ เพราะถ้าหากเรารู้สัญญาณเตือนหรืออาการเริ่มแรกของ ไวรัสตับอักเสบซี ก็จะช่วยให้เราได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเพิ่มอัตราการอยู่รอดได้ที่สังเกตได้ง่าย ๆ และไม่ควรละเลย เพราะสุขภาพของเราเป็นเรื่องสำคัญกว่าที่คิด มีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี อยู่จำนวนหนึ่งที่มีอาการไขมันพอกตับร่วมด้วย โดยกว่าครึ่งนั้นจะไม่มีอาการใดใดแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัด ยิ่งหากเป็นในระยะเริ่มแรกแล้วไม่ตรวจรักษา ภาวะไขมันพอกตับ ก็จะรุนแรงทวีคูณ ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีอาจเริ่มมีอาการอึดอัด ปวดแน่น บริเวณชายโครงด้านขวา รู้สึกเบื่ออาหารทั้งที่เคยชอบทานอาหารจานโปรด ท้องอืด เฟ้อ คล้ายกับอาหารไม่ย่อยจึงทำให้ไม่รู้สึกอยากทานอาหารใดๆ หรือบางครั้งเมื่อรับประทานอาหารเพียงนิดเดียวก็ท

ลักษณะเด่นของไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ลักษณะเด่นของ ไวรัสตับอักเสบซี นี้ เป็นโรคติดต่อทางเลือด เช่น เดียวกับไวรัสตับอักเสบบี ที่ไม่ติดต่อทางปากและทางการหายใจ โดยประมาณ 80% ของผู้ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแล้ว จะกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรังภายหลัง หากไม่ทำการรักษาเสียแต่เนิ่นๆ โดยไวรัสตับอักเสบซีมีทั้งชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบซีชนิดเฉียบพลันนั้น มีอาการที่แสดงออกไม่ชัดเจน อาการที่เกิดขึ้นก็คล้ายกับ ไวรัสตับอักเสบบี คือ แทบไม่รู้ตัว มีเพียงแค่ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร ส่วนในกรณีที่ติดจากแม่สู่ลูก เด็้กที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ยังต้องใช้เวลานานกว่า 30-40 ปี จึงจะเกิดอาการ อาการของไวรัสตับอักเสบซี มีลำดับของโรค ดังนี้ เริ่มจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งประมาณ 70% ของคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นพาหะ มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอยู่ในตัว แล้วเกิดอาการตับอักเสบชนิดเรื้อรังภายหลัง และในกลุ่มนี้บางคนอาการหนักจนกลายเป็นโรค ตับแข็ง หรือมะเร็งตับ หนำซ้ำถ้าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนี้แล้วส่วนมากแล้วก็ไม่มีอาการให้รู้ตัว มันคือภัยเงียบอย่างแท้จริง ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในกลุ่มคนทั่วไปตามปกติ จนกว่าอาการจะเป็นมากจ