บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2017

Anti-HCV คืออะไร?

รูปภาพ
Anti-HCV คืออะไร? ใช่ภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ ? อีกหนึ่งคำถามที่ยังคงต้องการคำอธิบายอย่างชัดเจนว่า Anti-HCV คือวิธีการตรวจเลือดเพื่อหา antibody ต่อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่ง antibody ตัวนี้ไม่ได้เป็นภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบซีแต่อย่างใด แต่เป็น antibody ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในการตรวจหาไวรัสตับอักเสบซีนั่นเอง เมื่อ Anti-HCV ให้ผลบวก จึงไม่ได้ความถึงการมีภูมิ แต่บ่งบอกว่าผู้ป่วยกำลังติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งค่าความไวและความแม่นยำของการตรวจ Anti-HCV มีถึง 90% แต่ถ้าใครไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เมื่อตรวจเลือดพบ Anti-HCV ก็อย่าเพิ่งตกใจเพราะมันเป็นโอกาส 50-60% เท่านั้นที่จะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีซึ่งจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม ทั้งค่าการทำงานของตับหรือค่าอื่นๆ จากแพทย์เพิ่มเติม สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

การติดต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากแม่สู่ลูก

รูปภาพ
การติดต่อของเชื้อ ไวรัสตับอักเสบซี ช่องทางหนึ่งที่มีคนสงสัยจำนวนมาก ถามเข้ามาจำนวนมากว่า การมี เพศสัมพันธ์ สามารถทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้หรือไม่ ในงานวิจัยแล้วพบว่าการติดต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากแม่สู่ลูกนั้นพบได้น้อยมาก ประเมินในจำนวน 1-3% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากคุณยังมีพฤติกรรมทางเพศที่ชอบ เปลี่ยนคู่นอน บ่อยครั้ง จะทำให้พบความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมากๆ หรืออาการติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยนั่นเอง สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ในปัจจุบันถึงยังจะไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ก็สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญ คือ  การรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์ของเลือด ที่ไม่จำเป็น หากมีเหตุการณ์ที่จะต้องได้รับการผ่าตัด ที่ไม่เร่งด่วน ควรใช้เลือดของตนเองโดยไปบริจาคไว้ล่วงหน้า หรือหากจำเป็นต้องใช้เลือดฉุกเฉิน ควรเลือกจากผู้บริจาคที่มีปัจจัยเสี่ยงน้อย ไม่ควรซื้อเลือดจากบุคคลแปลกหน้าที่นำเลือดมาขาย ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจทางเคมีที่เชื่อได้ว่ามีมาตรฐานในการคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีด้วย พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานและให้คำแนะนำเกี่ยวยาเสพติด  เพราะการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่ม-สาว ที่อยู่ในวัยอยากรู้ อยากลอง อาจเกิดความผิดพลาด กว่าจะมารู้ว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ก็ช่วงวัยทำงานหรือวัยกลางคนจนสายเกินแก้ หรือสำหรับใครที่นิยมสัก เจาะ ตามร่างกาย ก็ควรเลือกร้านที่ได้มาตรฐาน ไม่นำอุปกรณ์ใช้ร่วมกับผู้อื่น ในกรณีคู่สามี-ภรรยา หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี  แน

ข้อปฏิบัติระหว่างรักษาไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวระหว่างทำการรักษาไวรัสตับอักเสบซี 1. ควรไปพบแพทย์ผู้รักษาตามนัดอย่างสม่ำเสมอ 2. รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หรือหากมีข้อสงสัยในการใช้ยาให้รีบกลับไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม ไม่ควรปรับหรือเพิ่มยาด้วยตนเอง 3. ควรสังเกตุผลแทรกซ้อนที่เกิดจากการใช้ยาและรายงานให้แพทย์ทราบทุกครั้งที่มีนัดพบ เพื่อพิจารณาในกรณีที่ต้องปรับเปลี่ยนการรักษาหรือเกิดสภาวะแทรกซ้อน 4. พยายามดูแลรักษาตัวเอง รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ 5. หลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมหรือสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหรือติดเชื้อ 6. สามารถออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป 7. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่ทราบส่วนประกอบ สมุนไพร หรืออาหารเสริมซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้เสมอ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

คำแนะนำสำหรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
➡️ หยุดบริจาคเลือดโดยเด็ดขาด ➡️ แยกอุปกรณ์ที่เป็นของมีคม เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ แปรงสีฟัน อย่าให้ปนเปื้อนกับผู้อื่น ➡️ งดการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ➡️ การสกัดหรือเจาะควรใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน และห้ามนำไปใช้กับผู้อื่น ➡️ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการดื่มเพียง 20-30 กรัมต่อวัน (เบียร์ 1 กระป๋อง หรือไวน์ 1 แก้ว) จะส่งผลให้ตับอักเสบรุนแรงมากขึ้นและหากดื่มมากกว่า 50 กรัมต่อวัน จะย่นระยะเวลาให้เกิดสภาวะตับแข็งเร็วขึ้น ➡️ หลีกเลี่ยงสารพิษอื่นๆ เช่น อาหารเสริม สมุนไพร ที่ไม่ทราบส่วนประกอบหรือผลข้างเคียงที่แน่ชัดเพราะอาจส่งผลให้การทำงานของตับเสื่อมลง ➡️ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ หรือพฤติกรรมทางเพศที่รุนแรงเพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อต่อคู่นอนหรือรับเชื้อเพิ่มได้ง่ายขึ้น ➡️ ควรพบแพทย์ทุก 3-6 เดือน แม้จะไม่มีอาการอะไร หรือมาตามนัดของแพทยทุกคร้ัง เพื่อตรวจว่ามีอาการตับอักเสบเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือเริ่มเป็นตับแข็งหรือยัง หรือเพื่อตรวจคัดกรองหามะเร็งในระยะเริ่มแรก สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

ขั้นตอนการตรวจก่อนรักษาไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ขั้นตอนการตรวจเช็คร่างกายก่อนเข้าทำการรักษาของผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบซี นั้นจะต้องประเมินหาความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด เพื่อหาว่ามีข้อห้ามในการใช้ยาหรือต้องปรับขนาดยาให้แก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ ตรวจหาการทำงานของต่อมไทรอยด์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะยาที่ใช้รักษาโรคนั้น จะส่งผลให้การทำงานของต่อม ไทรอยด์ผิดปกติ มากขึ้น แต่หากพบว่าผิดปกติอยู่ก่อนแล้ว แพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับปกติเสียก่อน ในรายที่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยก็ต้องพิจารณาเป็นพิเศษเช่นกัน อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือชนิดของยาที่ใช้ทั้งการรักษาไวรัสตับอักเสบซีและ HIV ด้วย รวมทั้งกรณีผู้หญิงจะต้องตรวจ หาการตั้งครรภ์ เพราะยาที่รักษาไวรัสตับอักเสบซีมีผลข้างเคียงต่อเด็ก อาจส่งผลให้แท้งหรือคลอดก่อนกำหนดในอัตราสูงมาก หลังจากนั้นต้องทำการคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัด ทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิด ใส่ห่วง หรือใช้ถุงยางอนามัย สำหรับฝ่ายชายที่จะเริ่มทำการรักษาไวรัสตับอักเสบซี แพทย์ก็แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยเช่นกัน เพราะตัวยามีผลต่อตัวอสุจิทำให้มีความผิดปกติต่อเด็กได้ค่ะ สิ่งหนึ

แพทย์ยังไม่ได้ให้ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเพราะอะไร

รูปภาพ
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี บางท่านอาจจะด้วยอาการที่ไม่แสดงออกรุนแรง จึงทำให้ดูแลรักษาตัวเองไม่ดี แพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาเหตุอันสมควร ที่ยังไม่สามารถได้รับการรักษาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ได้แก่ กรณีดังต่อไปนี้ - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่ยังไม่สามารถหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เพราะตัวเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลให้การตอบสนองต่อการรักษาลดลง - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่ยังฉีดสารเสพติดหรือยังมีพฤติกรรมชอบสักหรือเจาะตามร่างกาย จากร้านที่ไม่มีมาตรฐาน เพราะจะมีโอกาสที่การติดเชื้อซ้ำหรือเพิ่มได้สูงมากขึ้น - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่มีอาการตับแข็งในระยะสุดท้าย - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่มีอาการตับวายและไตวายเรื้อรัง - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่มีอาการทางจิตอย่างรุนแรง โรคซึมเศร้า - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีทีเป็นโรคภูมิต้านต่อต้านเนื้อเยื่อตัวเอง (SLE) เพราะอาจส่งผลให้ตับอักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่ได้รับการเปลี่ยนอวัยวะในร่างกาย เช่น ไต หัวใจ ปอด เป็นต้น - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีที่มีสภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ - ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซ

การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเ สบซี จะทำการตรวจเลือดเพื่อหาเชื ้อและตรวจการทำงานของตับ หากเป็นพาหะจะตรวจพบเพียงเช ื้อไวรัสตับอักเสบซี แต่ค่าการทำงานของตับยังปกต ิ ถ้าเป็นไวรัสตับอักเสบซีเรื ้อรังหรืออยู่ในสภาวะตับแข็ ง ก็จะพบทั้งตัวไวรัสตับอักเส บซีและผลการทำงานของตับที่ผ ิดปกติ  การหาปริมาณของเชื้อไวรัสตั บอักเสบซี หรือ HCV Viral Load ในบางรายสามารถตรวจพบจากกระ แสเลือดจริงแต่เป็นเพียงแค่ เศษซากของไวรัสตับอักเสบซีเ ท่านั้น การตัดชิ้นเนื้อตับไปตรวจสา มารถบอกได้ถึงสภาพว่าตับมีอ าการอักเสบไปได้มากน้อยเพีย งใด ซึ่งจะทำในกรณีที่คุณหมอรับ การรักษาแล้ว การตรวจความยืดหยุ่นในตับ (Fibroscan) เป็นการตรวจหาพังผืดในตับเพ ื่อดูว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต้อง รักษามากน้อยแค่ไหนค่ะ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

ตับอักเสบเรื้อรัง

รูปภาพ
อาการของตับอักเสบเรื้อรังท ี่มาจากการติดเชื้อไวรัสตับ อักเสบซีนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอาการมากน ัก อาจมีเพียงอาการอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง มีอาการมึนงง สมองไม่สั่งงาน และเมื่อตับอักเสบไปเรื่อยๆ อาจทำให้ระบบภูมิต้านทานผิด ปกติ เช่น มีผื่นตามผิวหนังเกิดขึ้น จนพบอาการของ โรคตับแข็งในเวลาต่อมาโดยผู ้ป่วยตับแข็งที่เกิดจากการต ิดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้ นในระยะแรกก็จะไม่มีความผิด ปกติใดใดเช่นกันค่ะ จนกว่าการทำงานขอ งตับจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ  การสร้างสารอาหาร พลังงานและการทำลายพิษต่างๆ  ผิดปกติ ทำให้ท้องมาน ขาบวม ตัวเหลือง อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง ผิวดำคล้ำ แห้งและคันโดยไม่มีแผล เลือดกำเดาออกง่าย ผิวหนังช้ำเขียวง่าย ในรายที่เกิดจากพังผืดยึดรั ดเนื้อตับ จะทำให้อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือด ม้ามโต เกล็ดเลือดต่ำ คลำเจอก้อนในท้องจนอาจกลายเ ป็นมะเร็งตับได้ค่ะ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ลำดับของการเจริญเติบโตของเ ชื้อ  #ไวรัสตับอักเสบซี  นั้น เริ่มต้นจากการติดเชื้อไวรั สตับอักเสบซี โดยจะไม่มีการแสดงอาการให้เ ห็นอย่างเด่นชัด จากนั้นอาจมีอาการเริ่มต้น เช่น ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ในบางรายถึงขั้นเป็นไข้หวัด ใหญ่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักลดลงอย่างผิดสังเกตุ  และเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองในบางรายอาจไม่เกิด ขึ้นเลยก็ได้ ทำให้ยากต่อการวินิจฉัยของค ุณหมอผ ู้รักษาค่ะ  จากนั้นจะเริ่มมีอาการของ  #ตับอักเสบเฉียบพลัน  ในระยะแรกที่มีอาการเพียง 15-20% ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีสาม ารถหายขาดได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากติดเชื้อในระยะเรื้อร ังแล้ว ประเมินผลอยู่ที่ 80-85% จะมีโอกาสเกิดเป็นพาหะไวรัส ตับอักเสบซี ทำให้  #ตับอักเสบเรื้อรัง  และส่งผลให้เกิดตับแข็งได้ภ ายในระยะเวลา 10-20 ปี จนไปสู่ตับวายในที่สุดค่ะ Cipla ผู้ประกอบการรายหลักๆ ของตลาดยาโรงพยาบาล ของบ้านเ ราที่เรารู้จัก ยาทั้งสองตัวนี้ คือ HepCDac กับ HepCvir  ทานวันละเม็ด เหมือนกัน สามเดือน 'Hepcvir-L' ผลิต โดย Cipla HEPCVIR-L เป็น ชุด ยา FDC sofosbuvir  และ ของ ledipa

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
โรคที่อาจเกิดจากสภาวะผู้ป่ วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเส บซี มีดังนี้ 1. ตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งหายได้เพียง 20-25% 2. ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเร ื้อรัง พบได้หลังจากการติดเชื้อแล้ วถึง 75-80% ซึ่ง 20-40%  เป็นตับแข็งและลงท้ายด้วยตั บวาย ผลแทรกซ้อนจากตับแข็ง จะกลายเป็นมะเร็งตับอีก 1-4% ของกลุ่มผู้ป่วย ปัจจัยที่ทำให้โรคไวรัสตับอ ักเสบซีรุนแรงขึ้น คือ การทำรับเชื้อในขณะที่ผู้ป่ วยอายุมากแล้ว การได้รับเลือดหรือดื่มเครื ่องดื่มแอลกอฮอล์ มากกว่า 30-50 กรัม/ วัน ขึ้นไป แม้ดื่มเพียงปริมาณน้อยก็สามารถเป ็นตัวเร่งให้ตับเสื่อมสภาพล งได้อย่างรวดเร็วค่ะ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv