บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2017

ความเป็นมาของไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ความเป็นมาของไวรัสตับอักเส บซี เป็นมาอย่างไร เราถึงเรียกว่าไวรัสตับอักเ สบซี ที่ต้องนำมาอธิบายเพราะมีหล ายคนที่มักจะเข้าใจผิดว่าไว รัสตับอักเสบซีนี้แปลงร่างม าจากไวรัสตับอักเสบเอ มาเป็นไวรัสตับอักเสบบี และจึงกลายร่างเพิ่มเป็นไวร ัสตับอักเสบซี เหมือนกับเป็นระยะของโรค แต่ก็ต้องบอกตรงนี้ค่ะว่า ไม่ว่าไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี อี ทั้งหมดเป็นคนละตัวกัน เป็นไวรัสตัวเล็กๆ เหมือนกันแต่รูปร่างไม่คล้า ยกัน เรียกง่ายๆ ว่านิสัยไม่เหมือนกันเลยค่ะ  ไวรัสตับอักเสบซีถูกค้นพบ โดยบริษัทวิจัยชื่อ Chiron เมื่อปีพ.ศ. 2530 ค่ะ เป็นไวรัสชนิดสายพันธุกรรมเ ดี่ยวหรือที่เรียกว่า RNA ค่ะ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

ข้อสรุปยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
ข้อสรุปเกี่ยวกับยารักษาโรค ไวรัสตับอักเสบซี ยาทานสำหรับรักษาโรคไวรัสตั บอักเสบซีนั้น มีระยะเวลาในก ารทานสั้นลง เหลือเพียงแค่ 3 เดือน  นอกจากในกลุ่มที่รักษายากหร ือกำลังไปสู่สภาวะตับแข็ง ไม่ตอบสนองการรักษาจะใช้เวล าประมาณ 6 เดือน ยาตัวใหม่ที่ออกมานี้ ทานง่าย  ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเหมือน ยาฉีด ทานเพียงวันละ 1-2 ครั้ง ในไทยยังไม่มียารักษาโรคไวร ัสตับอักเสบซี แต่มีบริษัทยา Generic หรือยาผลิตตามสูตรยาของยาแท ้ ในประเทศอินเดีย ผลิตออกมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว ่า 5 บริษัทแล้ว Cipla ผู้ประกอบการรายหลักๆ ของตลาดยาโรงพยาบาล ของบ้านเ ราที่เรารู้จัก ยาทั้งสองตัวนี้ คือ HepCDac กับ HepCvir  ทานวันละเม็ด เหมือนกัน สามเดือน 'Hepcvir-L' ผลิต โดย Cipla HEPCVIR-L เป็น ชุด ยา FDC sofosbuvir  และ ของ ledipasvir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสตับอักเสบซี (HCV) โดยตรง ตัวนี้ทานสามเดือนเช่นกัน ยาชื่อ HepCvel : Sofosbuvir+ Velpatasvir ยารักษาไวรัสตับอักเสบซี ยาตัวนี้เป็นตัวล่าสุดของ Cipla sofosbuvir 400+ Velpatavir 100 ต้องทานสามเดือนและทุกว

ภาวะตับอักเสบ

รูปภาพ
รู้หรือไม่... ภาวะตับอักเสบ สามารถนำไปสู่การเกิดตับแข็ งและมะเร็งตับตามมาได้ ตับ เป็นอวัยวะภายในขนาดใหญ่ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และยังเป็นอวัยวะเดียวของร่ างกายที่สามารถงอกขึ้นมาทดแ ทนส่วนที่เสียหายได้อีกด้วย  เซลล์ตับทำหน้าที่หลายด้าน เช่น ทำลายสารพิษ สังเคราะห์โปรตีน สารอาหาร สะสมวิตามิน หลั่งน้ำดี ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยย่ อยไขมันให้มีขนาดเล็กลง เป็นต้น แม้ว่าตับจะฟื้นฟูตัวเองได้ ในระดับหนึ่ง  แต่หากพบปัจจัยเสี่ยงมากๆ ก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อตับไ ด้ การเสื่อมของตับมีค่าใช้จ่า ยในการรักษาสูง และยังเป็นภาวะที่นำไปสู่กา รเสียชีวิตได้ง่าย โรคหรือความผิดปกติของตับที ่พบได้บ่อย ได้แก่ ตับอักเสบ คือ ภาวะที่มีการอักเสบ เกิดการถูกทำลายของเซลล์ตับ  ทำให้การทำหน้าที่ต่างๆของต ับผิดปกติไป แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ 1 ตับอักเสบเฉียบพลัน มีลักษณะดังนี้เซลล์ตับอักเ สบอย่างรวดเร็ว  ตับเกิดความเสียหายเป็นวันห รือสัปดาห์  หายได้เอง (แต่ถ้าเป็นรุนแรงอาจตับวาย )  สาเหตุเกิดจาก การติดเชื้อไวรัสบางชนิด หรือ การรับประทานยาพาราเซตามอลเ กินขนาด 2 ตับอักเสบเรื้อรัง มีลักษณะดังนี้  ตับเกิดความเสียหายนานอ

ตับอักเสบเฉียบพลัน

รูปภาพ
อาการของโรคตับอักเสบรุนแรง แบบเฉียบพลัน  อาการของโรคที่พบบ่อยมีดังน ี้ 1.ดีซ่านเป็นอาการที่สังเกต ได้ง่าย โดยสังเกตได้จากภายนอกคือ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อย่างชัดเจน 2.หมดสติ ภาวะหมดสติจากโรคตับ (hepatic coma)เป็นสาเหตุสำคัญของการ เสียชีวิตด้วยโรคตับอักเสบร ุนแรงแบบเฉียบพลัน เมื่อตับเสื่อมประสิทธิภาพ เลือดที่มีสารพิษจะไหลวนไปท ั่วร่างกาย หากตกตะกอนที่สมองก็จะทำให้ หมดสติได้ 3.ผิวหนังมีจ้ำเลือดหรือเลื อดออกง่าย เมื่อตับทำงานผิดปกติไม่สาม ารถสร้างปัจจัยที่ทำให้เลือ ดแข็งตัวได้ จึงมีเลือดออกง่าย หรือเมื่อเลือดออกแล้วก็จะไ ม่ยอมหยุดไหล ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ 4.ติดเชื้อในกระแสเลือด ผู้ป่วยโรคตับอักเสบรุนแรงแ บบเฉียบพลันมีภูมิคุ้มกันต่ ำมาก ส่งผลให้แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัสเข้าสู่ร่างกายและ แพร่กระจายเข้ากระแสเลือดได ้ง่าย จนเกิดสภาวะโลหิตเป็นพิษ (septicaemia) ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิตได ้ 5.สภาวะโรคไตอันเนื่องมาจาก โรคตับ ตับมีหน้าที่กำจัดสารพิษในร ่างกาย เมื่อตับทำงานบกพร่อง สารพิษทั้งหลายจึงถูกส่งตรง มายังไต ประกอบกับระบบไหลเวียนของเล ือดขัดข้องทำให้ไตได้รับเลื อดแดงมาเลี้ย

ความสำคัญของตับ

รูปภาพ
"ตับ" เป็นอวัยวะที่สำคัญมากค่ะ เนื่องจากมีหน้าที่หลายอย่า ง เช่น  การสร้างน้ำดี ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน เก็บสำรองอาหาร  โดยการเก็บ glucose ไปสะสมไว้ในเซลล์ตับ ในรูปของ glucogen  และเมื่อร่างกายต้องการใช้ ก็จะทำการเปลี่ยน glucogen มาเป็น glucose  ตับเป็นแหล่งสะสมวิตามินต่า งๆ เช่น วิตามินเอ ดี และบี12  และยังทำหน้าที่ขจัดสารพิษท ี่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลื อด ตับยังทำหน้าที่สร้าง วิตามินเอ จากสารแคโรทีน  ซ ึ่งมีสะสมอยู่ในพวกแครอทและ มะละกอ สร้างธาตุเหล็ก  ทองแดง และยังสร้างสารป้องกันการแข ็งตัวของเลือด  นอกจากนี้ยังทำหน้าที่กินแล ะทำลายเชื้อโรค  และเป็นแหล่งให้พลังงานความ ร้อนแก่ร่างกาย จะเห็นได้ว่าตับทำหน้าที่สำ คัญมากมายให้แก่ร่างกายเรา  ฉะนั้นหากเซลล์ตับถูกทำลายห รือเสื่อมสภาพไป  ก็จะมีผลเสียแก่สุขภาพของเร า  เราจึงควรหมั่นตรวจสอบสมรรถ ภาพของตับอย่างสม่ำเสมอ การทดสอบสมรรถภาพของตับ ทำได้โดยทดสอบทางห้องชันสูต ร  แต่ผลการทดสอบไม่สามารถชี้ช ัดได้ว่า ตับปกติดี 100%  หรือเสื่อมสภาพไป แต่การทดสอบสามารถบ่งชี้ถึง ความเสื

โรคแทรกซ้อนเมื่อป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
โรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยไวรัส ตับอักเสบซี ที่สามารถพบได้หากไม่ได้ทำก ารรักษา มีดังนี้ค่ะ 1) ตัวเหลือง ตาเหลือง เพราะตับไม่สามารถที่จะขับน ้ำดีออกมาได้  2) มีอาการคันตามร่างกาย เพราะมีน้ำดีสะสมอยู่ตามบริ เวณผิวหนัง  3) เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้  4) ทำให้มีอาการบวมหลังเท้า แขนขา และท้อง  เพราะตับนั้นจะไม่สามารถสร้ างไข่ขาว (หรือโปรตีนในเลือด) ได้ 5) ทำให้เลือดออกได้ง่าย เพราะตับจะไม่สามารถสร้างสา รที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ 6) อาจจะสูญเสียความสามารถเกี่ ยวกับความจำหรือสติ เพราะจะเกิดการคั่งของของเส ีย 7) ผู้ป่วยจะไวต่อยามากขึ้น ดังนั้นการให้ยากับผู้ป่วยโ รคตับแข็ง จะต้องระวังการเกิดยาเกินขน าด  เพราะตับจะไม่สามารถทำลายยา ได้เลย แม้แต่การให้ยาให้ขนาดปกติน ั้นก็ต้องระวังด้วย 8) ผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นเลือด เพราะตับแข็งทำให้ความดันใน ตับสูง จนทำให้หลอดเลือดดำ ในหลอดอา หารนั้นมีความดันสูง และถ้าหากมีความดันสูงมาก อาจจะทำให้หลอดเลือดดำแตกได ้ 9) สามารถติดเชื้อได้ง่าย เพราะมีภูมิคุ้มกันลดลง อาจจะเป็นท้องมานหรือไตวายไ ด้ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv

การดูแลผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
เทคนิคในการดูแลตนเองของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี หลังพบแพทย์แล้ว มีดังนี้ ➡️ ปฏิบัติตามแพทย์และเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาให้แนะนำอย่างเคร่งครัด พักผ่อนให้เพียงพอ หรือหากสามารถหยุดงาน/หยุดเรียน ตามแพทย์แนะนำได้ก็จะดี ➡️ ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ➡️ กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ แต่ควรเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ด้วยเพื่อกากใยที่มีคุณค่า ➡️ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะทำลายเซลล์ตับ ➡️ ไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะอาจส่งผลให้ตับอักเสบเพิ่มขึ้น หรืออาจมีผลข้างเคียงจากยาเพิ่มขึ้น เพราะตับไม่สามารถกำจัดยาส่วนเกินออกจากร่างกายได้ตามปกติ ➡️ ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย แยกเครื่องใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะแก้วน้ำและช้อน ➡️ รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดความรุนแรงของโรค และลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ➡️ พบแพทย์ตามนัดเสมอ และรีบพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือเมื่ออาการต่างๆ เลวลงหรือเมื่อกังวลในอาการ ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัดหรือเป็นการฉุกเฉินเมื่อกินหรือดื่มไม่ได้ เพราะอาจเป็นอาการของตับวายได้ในที่สุด 

ตับป่วยจะมีอาการอย่างไร

รูปภาพ
หากตับป่วยจะมีอาการอย่างไร อาการทางโรคตับอาจแบ่งออกเป็น 2 อาการ คือ อาการเฉพาะที่บริเวณตับ และอาการอันเกิดจากการทำงานของตับที่ลดลงค่ะ 1. อาการเฉพาะที่ จะมีอาการจุกแน่นชายโครงขวา หรือแค่ท้องอืดตื้นๆ หากตับโตมากๆ หรือมีอาการก้อนในตับอาจโตจนคลำตับได้หรือมีก้อนดันหน้าท้องนูนออกมา บางรายอาจรวมกับมีอาการปวดร้าวไหล่หรือสะบักด้านขวาได้ 2. อาการซึ่งเกิดจากการทำงานของตับที่ลดลง จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ในกรณีที่ตับมีอาการเสื่อมการทำงานมากๆ จะทำให้ระดับโปรตีนในเลือดต่ำ เกิดเท้าบวม ท้องมาน มีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง เลือดหยุดยาก หากเป็นมากๆ อาจเกิดตับวายได้ สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่ Line id: thaihcv