บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2019

ต้นเหตุของโรคมะเร็งตับ

รูปภาพ
ต้นเหตุของโรคมะเร็งตับ ต้นเหตุของโรคมะเร็งตับ เกิดจากสาเหตุหลายๆ ประการค่ะ ได้แก่ ภาวะตับแข็ง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบซี การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตรวจพบว่ามีไขมันเกาะบริเวณตับ เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน ส่วนใหญ่จะพบมากในถั่วลิสงแห้งหรือพริกป่นค่ะ ความจริงแล้วอาการของโรคนี้จะไม่ค่อยเตือนเราให้ทราบล่วงหน้าก่อน เพราะมัน ถือเป็นภัยเงียบ ที่กว่าจะรู้ตัวอาจลุกลามจนสายเกินแก้ รัฐบาลถึงได้ช่วยกันรณรงค์ให้มีการตรวจหา เชื้อไวรัสตับอักเสบซี เป็นประจำในกลุ่มเสี่ยง อาการของ มะเร็งตับ ที่อาจพบได้เมื่อมีการดำเนินของโรคแล้ว ได้แก่ มีอาการปวดแน่นบริเวณท้องบนด้านขวาและลิ้นปี่ คล้ายกับอาการของคนเป็น โรคกระเพาะ ในบางรายอาจคลำเจอก้อนขนาดใหญ่ ใต้ชายโครงด้านขวา รู้สึกเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงมีอาการ ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย การติดต่อของไวรัสตับอักเสบ ซี เกิดขึ้นจากอะไร ? ไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต ่อผ่านเลือดและส่วนประกอบขอ งเลือดโดยตรง รวมไปถึงผู้ที่ใช้ สาร

การตรวจสายพันธุ์ของไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
การตรวจสายพันธุ์ของไวรัสตับอักเสบซี แรกเริ่มหากเราตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี แล้ว แพทย์จะทำ การตรวจวินิจฉัยโรค เพิ่มเติม โดยเริ่มจากการตรวจการทำงานของตับ เพราะไวรัสตับอักเสบซีเกี่ยวข้องกับการอักเสบของตับโดยตรง การตรวจหาหลักฐานของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี โดยการตรวจแบบ ANTI-HCV หากให้ผลบวก แสดงว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจริง และตรวจหา HCV-RNA เพิ่ม ซึ่งจะบอกถึงปริมาณของ ไวรัสตับอักเสบซี นอกจากนั้น การตรวจสายพันธุ์ของ ไวรัสตับอักเสบซี ด้วยว่าเป็นสายพันธุ์ที่เท่าไหร่ (1-6 สายพันธุ์) จะมีความสำคัญต่อการเลือกใช้ยา และระยะเวลาในการใช้ ยารักษาไวรัสตับอักเสบซี จากนั้นควรมีการตรวจพยาธิสภาพของตับ เพื่อประเมินอาการอักเสบและพังผืดในตับ ทำได้โดยการเจาะตรวจชิ้นเนื้อตับ หรือใช้เครื่องมือพิเศษสำหรับวัดปริมาณ พังผืดในเนื้อตับ สุดท้ายแพทย์จะทำการตรวจอัลตร้าซาวน์ และการตรวจเลือดหาสาร Alpha-Fetoprotein เพื่อประเมินภาวะตับแข็งและมะเร็งตับต่อไป ไวรัสตับอักเสบซี ไม่ติดต่อ สู่ผู้อื่นด้วยการ ✖️ จับมือ ✖️ กอด ✖️ จูบ ✖️ ทานข้าวร่วมกัน ✖️ ใช้ภาชนะร่วมกัน ✖️ ใช้ห้องน

ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีในระยะเรื้อรัง

รูปภาพ
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีในระยะเรื้อรัง ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ในระยะเรื้อรัง จะไม่แสดงอาการใดๆ จนกว่าตับจะถูกทำลายอย่างรุนแรงแล้ว อาการจึงจะแสดงออกมาให้เห็นค่ะ ส่วนมากจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับการติด เชื้อไวรัสตับอักเสบซี ไปแล้วประมาณ 10 ปี ซึ่งอาการที่พบ ได้แก่ รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา มีค่อยมีเรี่ยวแรง มีอาการปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อตามร่างกายติดต่อกันหลายวัน ป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย เป็นไข้ร่วมด้วย มีปัญหาเกี่ยวกับความจำในระยะสั้น สมาธิ และความคิดไม่แจ่มใส อารมณ์แปรปรวน มีภาวะซึมเศร้า หรือวิตก กังวลกับเรื่องต่างๆ ในชีวิต อาหารไม่ย่อย หรือท้องอืด น้ำหนักลดลงผิดปกติ ปวดช่องท้อง ปัสสาวะมีสีเข้ม มีผื่นคันตามผิวหนัง  เลือดออกง่ายและเกิดรอยช้ำ มีอาการบวมที่ขา เป็นต้น ซึ่งไวรัสตับอักเสบซี ในระยะเรื้อรังนี้ หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อสามารถทำให้เกิด โรคตับ ที่รุนแรงได้ เช่น ตับแข็ง โดยสัญญาณและอาการของตับแข็ง ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) หรือภาวะมีน้ำในช่องท้อง (ท้องมาน) หากสงสัย ควรไปพบแพทย์เพื่อวินัจฉัยโรคและทำการรักษาต่อไป สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี

ลืมทานยาไวรัสตับอักเสบซีทำอย่างไรดี ?

รูปภาพ
ลืมทานยาไวรัสตับอักเสบซีทำอย่างไรดี ? ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ในระหว่างที่กำลังรักษาตัวอยู่และกำลังทาน ยาไวรัสตับอักเสบซี ควรจะต้องมีการตรวจเลือดอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูผลการทำงานของตับ รวมทั้งแพทย์ผู้รักษา อาจนัดผู้ป่วยมาเจาะเลือดเพื่อวัดจำนวนเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเป็นระยะ เพื่อเก็บเป็นข้อมูลวินิจฉัยในการรักษาคนไข้แต่ละราย ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ควรรับประทานยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด และใส่ใจในการทานยาให้มาก อย่าปรับเปลี่ยนปริมาณยา เวลาที่ทาน หรือหยุดทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะนั่นส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา เชื้อไวรัสตับอักเสบซี   กรณีที่ลืมทานยาไวรัสตับอักเสบซีตามกำหนดเวลาเดิม ให้รีบทานทันทีที่นึกขึ้นได้ เช่น ปกติทานยาตอน 8 โมงเช้า แต่ตอนนั้น 10 โมงแล้ว ก็ให้ ทานยาตอนนั้นเลย หรือหากเลยเวลาเป็นอีกวันไปแล้วให้ทานยาตอน 8 โมงเช้าของอีกวัน อย่าเพิ่มปริมาณยาโดยเด็ดขาด ควรเก็บยารักษาไวรัสตับอักเสบซี ไว้ใน อุณหภูมิห้องปกติ ที่ไม่มีแสงแดดส่องถึงหรือไม่ควรเก็บยาไว้ในห้องที่อับชื้น หากต้องเดินทางควรพก ยาไวรัสตับอักเสบซี ติดตัวไว้ แต่อย่าทิ้งไว้ในกระเป๋าหรือในรถเพื่อหล

มะเร็งตับที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซี

รูปภาพ
มะเร็งตับที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซี มะเร็งตับที่เกิดจาก ไวรัสตับอักเสบซี มักจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 3 เท่าเลยทีเดียว เพราะผู้ชายอาจมีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่า หรืออาจจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมาโดยไม่รู้ตัวจนเกิดสภาวะตับแข็งจากไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง โดยในอายุของผู้ป่วย มะเร็งตับ ที่มากกว่า 40 ปีในเพศชายและ 50 ปีในเพศหญิง อาการของ มะเร็งตับ ในระยะแรกจะไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจน มีเพียงอาการเบื่ออาหาร จากที่เคยทานได้มากก็ลดจำนวนลงหรือไม่อยากทานอะไรเลยทั้งวัน พอทานอะไรเข้าไปก็รู้สึกแน่นท้อง ปวดท้อง และท้องมานขึ้น ส่งผลให้ น้ำหนักลด อย่างผิดปกติ ในขั้นตอนการรักษาก็สามารถทำได้หลายวิธีค่ะ แต่จะต้องคำนึงถึงสภาพและความรุนแรงของตับที่มีอยู่ก่อนแล้วของผู้ป่วย ในระหว่างที่กำลังรักษาอยู่ ผู้ป่วยมะเร็งตับ ที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซีควรรับประทานอาหารให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการทานถั่วป่นหรือพริกแห้ง ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดสูบบุหรี่ พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อหายขาดจาก โรคไวรัสตับอักเสบซี และไม่ก่อให้เกิดความเส