การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบซี

การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบซี

เพื่อการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย และหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในจำนวนที่ชัดเจน หากพบว่าปริมาณภูมิคุ้มกันร่างกายยังปกติดี นั่นหมายถึงผู้นั้นเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี แต่หากพบว่าเชื้อไวรัสยังคงอยู่ แพทย์จะทำการทดสอบด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อตรวจวัดระดับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือด



โดยยึดจากกองควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ที่แนะนำให้มีการตรวจเลือดกับบุคคลที่เข้าข่ายเหล่านี้

🔹 ทุกคนที่เกิดระหว่างปี 1945-1965
🔹 ผู้ที่เคยเสพยา โดยใช้วิธีฉีดยาเข้าเส้นเลือด
🔹 ผู้ที่เคยรับบริจาคเลือด หรืออวัยวะก่อนปี 1992
🔹 ผู้ที่ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
🔹 ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี หรือเป็นโรคร้ายแรงเกี่ยวกับตับ
🔹 เด็กทารกที่เกิดจากแม่ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
🔹 ผู้ที่สัมผัสเลือดของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

ไวรัสตับอักเสบซี จะติดต่อโดยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในผู้ติดยาเสพติด หรือใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ การสักลายผิวหนัง การเจาะหู เป็นต้น รวมไปถึงการรับเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะ แต่ในปัจจุบันแทบไม่พบแล้ว เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองที่เข้มงวดก่อนนำไปใช้จริง และอาจพบการติดต่อผ่านทางมารดาสู่ทารกในครรภ์ หรือขณะคลอดที่มีโอกาสติดได้ประมาณเพียง 4%



ส่วนการใช้ชีวิตร่วมกัน เช่น ในครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน รวมถึงการใช้สิ่งของต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นของมีคมร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม รวมไปถึงการกอด การจูบกันธรรมดา จะไม่ได้ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ดังนั้นหากคุณมีลูกแล้ว ก็จะไม่แพร่เชื้อไปสู่ลูก แต่หากยังไม่มีลูก มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้ฝ่ายหญิงผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ และเมื่อฝ่ายหญิงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ก็จะมีโอกาสถ่ายทอดไปยังลูกในครรภ์ได้ แต่หากได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบซีจนหาย และตรวจหาเชื้อไม่พบแล้ว ก็จะไม่แพร่เชื้อไปสู่ฝ่ายหญิง อย่างไรก็ตาม อาจมีโอกาสที่จะกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ่งก็จะมีโอกาสแพร่เชื้อได้อีกแต่ก็น้อยมาก


สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่


Line id: thaihcv



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภัยเงียบที่คุกคามคนไทย ไวรัสตับอักเสบซี

Sofosbuvir+ Velpatasvir ขายยารักษาไวรัสตับอักเสบซี

กลุ่มเสี่ยงต่อไวรัสตับอักเสบซี และอาการที่สังเกตได้