ไขมันพอกตับในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี
ไขมันพอกตับในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่ หากไม่มีภาวะตับแข็งร่วมด้วย มักจะมีค่าตับที่ค่อนข้างสูงหรือมีไขมันพอกตับ ซึ่งเจ้าไขมันนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการลุกลามเป็นมะเร็งตับได้ในอนาคตเช่นกันค่ะ สัญญาณเบื้องต้นที่อาจบอกถึงความผิดปกติของตับ ได้แก่ การที่คุณพยายามลดน้ำหนักทุกวิธี แต่ไม่มีวี่แววว่าจะลดลง ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง รู้สึกเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลียจนผิดปกติ มีอาการเจ็บตึงๆ บริเวณชายโครงด้านขวา รู้สึกเบื่ออาหารและอาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ คือ ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือไขมันในเลือดสูง ไม่ชอบออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ชอบกินของทอด ของมัน และไม่ค่อยกินผักผลไม้นั่นเองค่ะ
ไขมันพอกตับ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน ก็ป้องกันได้แล้วนะคะ ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีควรลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ตับทำงานหนักยิ่งขึ้น ควรควบคุมการกินคาร์โบไฮเดรต เช่น น้ำตาล ข้าว แป้ง ผลไม้ น้ำผลไม้ เพราะหากกินเข้าไปมากแล้วเหลือใช้ ร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นไตรกลีเซอไรด์ เลี่ยงการกินอาหารกลุ่มไขมันสูง เช่น อาหารทอด รวมไปถึง อาหารแปรรูปที่มีส่วนประกอบของไขมันสัตว์ เช่น ไส้กรอก กุนเชียง แล้วหันมาเลือกกินไขมันดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ในตับได้
เน้นการกินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ธัญพืช ผักและผลไม้ เพราะมีส่วนช่วยในการดักจับไขมันและขับออกจากร่างกายก่อนถูกดูดซึมเพราะกว่า 50% ของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี จะไม่แสดงอาการในระยะแรกๆ การปรับพฤติกรรมการกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และให้ความสำคัญกับการตรวจตามนัดแพทย์ จึงเป็นการป้องกันที่ดี ก่อนจะลุกลามและอันตรายถึงชีวิตค่ะ
สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น