การรักษาไวรัสตับอักเสบซีแบบเก่า


ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่ มักจะมีอาการของตับอักเสบ ปรับลดลงมาสู่ในภาวะปกติ หรือมีค่าลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งภายใน 1-2 เดือนหลังจากการเริ่มรักษา เช่น ก่อนการรักษาวัดจำนวนเชื้อแล้วมี 500,000 copy หลังทำการรักษาเชื้อลดลงเหลือ 250,000 copy เป็นต้น โดยประเมินได้จากผลเลือดที่ใช้ค่าการทำงานของตับ SGOT (AST) และ SGPT (ALT) แต่ปัจจัยที่สำคัญของผลสำเร็จในการรักษาไวรัสตับอักเสบซี คือ การตรวจไม่พบเชื้อ HCV-RNA และติดตามไปเป็นเวลากว่า 7 ปี หากยังไม่พบเชื้อไวรัสตับอักเสบซีก็สามารถวางใจได้ 




ซึ่งการรักษาไวรัสตับอักเสบซี จะใช้ระยะเวลาที่แตกต่างจากการรักษาไวรัสตับอักเสบบี เพราะอัตราการกลับมาเป็นซ้ำของไวรัสตับอักเสบบี มีสูงกว่าร้อยละ 30 ของผู้ป่วยทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไวรัสตับอักเสบซีจะไม่กลับมาเป็นซ้ำ หากผู้ป่วยที่เคยหายขาดแล้วไปรับเชื้อมาใหม่ ก็มีโอกาสป่วยซ้ำได้ ซึ่งการรักษาแบบเดิมของไวรัสตับอักเสบซี คือการฉีดยาอินเตอร์เฟอรอน (Interferon) ร่วมกับการทานยาไรบาไวริน (Ribavirin) ซึ่งตัวยาเหล่านี้ มีผลข้างเคียงแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเป็นอย่างมาก เพราะข้อจำกัดของยาฉีดที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เพียงแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น และจะขับออกสู่ทางไตอย่างรวดเร็ว โดยกว่า 90% หลังฉีดยาอินเตอร์เฟอรอน จะมีอาการปวดศรีษะ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อย ไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกอ่อนเพลียร่างกาย และเจ็บกระดูกคล้ายคนเป็นไข้หวัดใหญ่ กินเวลายาวนานหลังจากฉีดยาถึง 2-6 ชั่วโมง หลังจากรักษาไปแล้ว 2-3 เข็มจะพบอาการเพิ่มเติมมากขึ้น ได้แก่ ความรู้สึกเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ น้ำหนักลด เม็ดเลือดขาวต่ำ และมีผลข้างเคียงต่อระบบการทำงานของไตและไทรอยด์ หรือในผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีบางราย ก็ทำให้ผมร่วงมากผิดปกติด้วย



สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่


Line id: thaihcv






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภัยเงียบที่คุกคามคนไทย ไวรัสตับอักเสบซี

Sofosbuvir+ Velpatasvir ขายยารักษาไวรัสตับอักเสบซี

กลุ่มเสี่ยงต่อไวรัสตับอักเสบซี และอาการที่สังเกตได้