การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบซี

การวินิจฉัยความเป็นไปได้ ของโรคไวรัสตับอักเสบซี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มจากการตรวจการทำงานของตับ (Liver function tests (LFTs หรือ LFs)) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานะของตับของผู้ป่วย โดยพบว่ากว่า 70% ของคนที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จากไวรัสตับอักเสบซี จะมีความผิดปกติของค่าการทำงานของตับ หรือค่า SGOT (AST) และค่า SGPT (ALT) โดยมีค่าสูงในช่วง 1.5-8 เท่าของค่าปกติ ที่ควรจะน้อยกว่า 40 IU/mL 



จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อหา Antibody ต่อไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV) ถ้าให้ผลบวก นั่นหมายถึงว่า คุณมีภูมิต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งการตรวจนี้อาจเป็นผลบวกปลอมก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี และอาการอักเสบของตับที่เรื้อรัง การตรวจค่า Anti-HCV ให้ผลบวกก็สามารถระบุได้แน่ชัดประมาณ 90% ว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง แต่ต้องระวังสำหรับผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อและไม่มีการทำงานของตับที่ผิดปกติ ถ้าตรวจเจอ Anti-HCV เป็นบวก โอกาสที่จะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีจริงมีเพียง 50-60% เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากตรวจเจอก็ยังไม่สามารถสรุปว่าเป็นโรค ยังต้องมีขั้นตอนในการพิสูจน์เพิ่มเติม เพื่อยืนยันผลเลือดที่แน่นอนอีกต่อไป


สนใจยารักษาไวรัสตับอักเสบซีติดต่อที่นี่



Line id: thaihcv

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภัยเงียบที่คุกคามคนไทย ไวรัสตับอักเสบซี

Sofosbuvir+ Velpatasvir ขายยารักษาไวรัสตับอักเสบซี

กลุ่มเสี่ยงต่อไวรัสตับอักเสบซี และอาการที่สังเกตได้